Pattern Scanner: Powerful Communication Style for Leaders (ตอนที่ 2)
ความเดิมตอนที่ 1 เราพูดถึงคนที่อยากจะพุ่งตัวออกไปทำให้เป็นจริง และกลุ่มที่ท้วงติง ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้มีความแตกต่างกันที่รูปแบบความคิดรูปแบบพฤติกรรม (คลิกเพื่ออ่านย้อนหลังที่นี่)
...เมื่องานเสร็จสิ้นลงแล้ว ในห้องประชุมจะมีคนที่พูดว่า งานมันดีมากเลยอ่ะ ฉันรู้เลยว่ามันต้องออกมาดีเพราะฉันลงมือทำมันเองแหละ ฉันมั่นใจเลยว่ามันดีมาก แต่ก็จะมีคนบางคนบอกว่าฉันคิดว่าเราน่าจะถามฟีดแบคจากลูกค้าที่มาในงานดูนะว่าเขาคิดเห็นเป็นอย่างไรบ้าง เราจะได้ภาพที่ถูกต้อง...
อีกแล้วค่ะ ไม่มีใครถูกต้องกว่าใคร แค่รูปแบบความคิดรูปแบบพฤติกรรมของเขาต่างกันเท่านั้นเอง
คนกลุ่มแรกที่ศูนย์กลางการตัดสินใจอยู่ภายในตัวเองเรียกว่า Internal ส่วนกลุ่มหลังที่ต้องการฟังจากคนอื่นๆเรียกว่า External
คนที่อยู่ในกลุ่ม Internal จะใช้มาตรฐาน ความรู้สึก หรือความคิดเห็นของตัวเองในการตัดสินใจ หากคนอื่นต้องการให้ความเห็น คำแนะนำ เขาจะรับไว้ในฐานะที่เป็นข้อมูลชุดหนึ่ง และเขาจะประเมินและตัดสินจากภายในตัวเขาเอง หากเขารู้สึกว่างานนั้นดีมากๆแล้วแต่ได้รับฟีดแบคที่ไม่ดีกลับมา เขามีแนวโน้มที่จะสงสัยในความคิดเห็นนั้นหรือตัดสินคนที่ให้ฟีดแบคนั้น
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นขั้วตรงข้าม เรียกว่า External คือคนที่ไม่ได้ใช้มาตรฐานภายในตัวเอง แต่รับความคิดเห็นหรือข้อมูลต่างๆจากภายนอก รวมทั้งกฎเกณฑ์ บรรทัดฐานต่างๆแล้วตัดสินใจตามข้อมูลภายนอกเหล่านั้น อันที่จริงสำหรับพวกเขาแล้ว ความคิดเห็นและข้อมูลจากภายนอกตัวเขาคือคำสั่งที่เขาจะทำตาม
ถ้าคนสองกลุ่มนี้ไม่เข้าใจธรรมชาติซึ่งกันและกัน แต่ต้องมาทำงานด้วยกันก็มีแนวโน้มที่จะเกิดความขัดแย้งได้เช่นกัน กลุ่มนึงจะไม่ฟังความเห็นคนอื่น เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่อีกกลุ่มก็รับเอาทุกความเห็นมาและจะทำตามนั้นด้วย
แต่ถ้าเข้าใจกัน เขาก็สามารถแบ่งงานกันทำได้ตามธรรมชาติที่ถนัด เช่น เอากลุ่ม External ทำงานในส่วนดูแลลูกค้า งานที่ต้องติดต่อประสานงานกับคนอื่น ส่วนงานที่ต้องอยู่ภายใต้สภาวะแรงกดดันและต้องตัดสินใจก็ให้คนที่มี Internal โดยธรรมชาติไปดูแล การจัดสรรงานแบบนี้จะทำให้บุคลากรได้ใช้ความถนัดกับงานที่เหมาะสม
จะเห็นว่าไม่มีใครดีกว่าหรือถูกต้องกว่า แค่เราเข้าใจกันและจัดสรรให้ถูกต้องก็ได้ผลลัพธ์ของงานในบรรยากาศที่ดีได้